ฮีโร่ผู้มาพลิกฟื้น JAL (Japan Airlines)
Kazuo Inamori ผู้ยอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อฟื้นฟู JAL โดยไม่ขอรับค่าตอบแทนแม้แต่เยนเดียว
ใน
ในวันที่ต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย เมื่อต้นปี 2010 เพราะการบริหารที่อุ้ยอ้าย และการเมืองเข้าแทรกแซงนั้น JAL มีหนี้สินมากถึง 25,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมทั้งต้องถอนบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียวอีกด้วย
ความท้าทายเฉพาะหน้าในขณะนั้นก็คือ จะมีใครที่สามารถเข้ามาพลิกฟื้น JAL ซึ่งอยู่ในอาการโคม่าขนาดนั้น ได้หรือไม่
รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทาบทามนาย Kazuo Inamori ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัท ยักษ์ใหญ่ระดับโลก Kyocera Corporation ให้เข้ามาเป็นผู้นาในการฟื้นฟู JAL ซึ่งนายอินาโมรินั้น อาจจะถือได้ว่ามีข้อด้อยอยู่ข้อหนึ่งก็คือ เขาไม่เคยมีประสบการณ์หรือความรู้เกี่ยวกับธุรกิจการบินเลย แม้แต่นิดเดียว
นายอินาโมริ เริ่มเข้ามาบริหารงาน JAL เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2010 และหลังจากผ่านไป 6 เดือน เขาให้สัมภาษณ์ว่า เขาต้องรับงานหนักมาก น้าหนักลดลงไปถึง 4 กิโลกรัม
พร้อมกล่าวว่าสิ่งที่เขาได้พบใน JAL ก็คือ...
- ผู้บริหารและพนักงานแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างชัดเจน องค์กรขาดข้อมูลที่สะท้อนผลประกอบการที่เป็นปัจจุบัน ความรับผิดชอบที่ไม่ชัดเจน รวมทั้งความไม่ใส่ใจอย่างจริงจังของผู้บริหารที่จะพลิกฟื้นองค์กร ถือว่าเป็นองค์กรที่อุ้ยอ้าย และผู้บริหารขาดความรับผิดชอบ
- เป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงทีเดียว และนายอินาโมริยังบอกว่า มีข้าราชการเก่าหลายคนที่ใช้เส้นสาย ลาออกก่อนกาหนดเพื่อรับเงินชดเชยก้อนโตจากรัฐบาล แล้วก็เบียดตัวเองเข้ามาเป็นผู้บริหาร JAL ในอัตราเงินเดือนที่สูง
ว่าแล้วนายอินาโมริ ก็ลงมือบริหารความเปลี่ยนแปลงทันที โดยกาหนดให้ผู้บริหารระดับสูงสุด 50 คน ต้องเข้าโครงการฝึกอบรมผู้นา สัปดาห์ละ 4 ครั้ง รวมเวลาฝึกอบรมทั้งหมด 17 ครั้ง เพื่อให้ตระหนักว่า “ผู้นาที่ดีนั้น เป็นเช่นใด โดยเขาเป็นผู้ร่วมบรรยายด้วยถึง 6 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขาว่าผู้นาที่ดีจะต้องมีความรอบรู้ในเรื่องข้อมูลทางการเงิน มีบุคลิกภาพที่ดี มีความลุ่มหลงในงานที่ทา และความทุ่มเท เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หลังจากนั้น เขาก็ฝึกอบรมผู้บริหารในระดับถัดไปจนครบ 200 คน บางครั้งเขาก็หิ้วกระป๋องเบียร์ เดินไปแจกพนักงาน แล้วดื่มเบียร์ไป พูดคุยกันไป เพื่อให้เข้าใจความรู้สึกของพนักงาน นอกจากนั้น เขาพยายามลดต้นทุนทุกชนิด ด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งวีธีการปลุกจิตสานึก ด้วยการติดป้ายราคา สิ่งของและเครื่องใช้ชนิดต่างๆ เช่นกล่องบรรจุกระดาษ ก็ติดป้ายไว้ว่ากระดาษแต่ละแผ่นที่พนักงานหยิบไปใช้นั้น มีราคาแผ่นละเท่าใด เป็นต้น นายอินาโมริ พูดถึงหลักการบริหารธุรกิจที่เน้นไปที่ผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ‘ใช้เวลาทั้งหมดที่คุณมีอยู่ทาให้พนักงานบริษัทมีความสุข ถ้าคุณต้องการไข่ คุณต้องดูแลแม่ไก่ให้ดี ถ้าคุณทาร้ายหรือฆ่าแม่ไก่ คุณไม่มีทางได้อะไรที่ต้องการ’
ในการพลิกฟื้นสายการบินแจล ให้กลับมามีกาไร คุณลุงอินาโมริ ประกาศรับตาแหน่งซีอีโอ โดยไม่รับเงินเดือนจากนั้นก็พิมพ์สมุดเล่มเล็ก ๆ อธิบายถึงปรัชญาในการบริหารและใช้ชีวิตในวิถีพุทธแจกให้กับพนักงานทุกคน สอนให้พนักงานรู้จักถ่อมตนและทาในสิ่งที่ถูกต้องในชีวิตพร้อมกับทุ่มเทให้กับการเจริญเติบโตของบริษัท ซึ่งนายอินาโมริ ให้สัมภาษณ์บลูมเบิร์กในภายหลังว่า เขาต้องการเปลี่ยนวิธีการคิดของพนักงานทั้งหมดเพื่อทาให้พนักงานภูมิใจในตัวเองและพร้อมที่จะทางานหนักเพื่อบริษัท
อินาโมริ พูดว่า ‘ผู้นาของบริษัทจะต้อง พยายามทาให้พนักงานทั้งหมดมีความสุขทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สิ่งนี้เป็นหน้าที่ของผู้นาองค์กร ไม่ใช่ทางานเพื่อผู้ถือหุ้น’ และ ‘การทาให้พนักงานมีความสุข พนักงานจะทางานดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นและทาให้รายได้ขององค์กรเพิ่มและบริษัทไม่ควรจะละอายในการทาผลกาไรให้ได้มาก ๆ หากว่าธุรกิจของบริษัทมีส่วนทาให้สังคมดีขึ้น’
นายอินาโมริ ใช้เวลาเพียงสั้นๆเท่านั้น ในการพลิกฟื้น JAL เพราะก่อนสิ้นปีแรก ก็ปรากฏว่าผลประกอบการเริ่มสูงขึ้นกว่าที่คาดหวังแล้ว และหลังจากนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมามีกาไร และสามารถ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ได้อีกครั้ง ในเวลาเพียงไม่ถึง 3 ปี เท่านั้น ความสาเร็จล่าสุด ที่ไม่เกี่ยวกับผลประกอบการโดยตรง ก็คือ JAL ได้รับการจัดอันดับให้เป็นสายการบินที่ตรงเวลาที่สุด เป็นอันดับหนึ่งของโลก ในปี 2012 การพลิกฟื้น JAL ครั้งนี้ จึงถือเป็นเรื่องราวของความสาเร็จอันยิ่งใหญ่ ที่สถาบันการศึกษาบริหารธุรกิจ จะต้องนาไปใช้เป็นกรณีศึกษา เพื่อสอนนักศึกษาและนักบริหาร อย่างแน่นอน
เขายอมเหน็ดเหนื่อยเพื่อฟื้นฟู JAL โดยไม่ขอรับค่าตอบแทนแม้แต่เยนเดียว ดร. อินาโมริ เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับจากวงการทั่วโลก ได้รับเชิญไปบรรยาย ในมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศต่างๆ นับว่าเป็นผู้อาวุโส ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น
ทุกวันนี้ ปรัชญาในการบริหารงานของนายอินาโมริ กลายเป็นสถาบันไปแล้ว ทุกครั้งที่นาย อินาโมริ เปิดการเรียนการสอนเกี่ยวกับปรัชญา การบริหารงานของเขาซึ่งแตกต่างจากตาราเรียนในมหาวิทยาลัยทั้งในญี่ปุ่นและตะวันตก มีเจ้าของกิจการหลายพันคนเข้าฟังแน่นห้องเรียนเสมอ
นาย อินาโมริ พูดว่า เขาเล็คเชอร์ ปรัชญาการบริหารงานสไตล์ทุนนิยมผสมพุทธของเขา ให้กับผู้ฟังฟรีโดยไม่ ถือเป็นการตอบแทนต่อสังคมเป็นส่วนหนึ่งในการดาเนินชีวิตของเขา
..
นอกจากนี้ท่านยังได้เขียนหนังสือ
Kazuo Inamori 's A passion for success
เป็นหนังสือที่ดีมากๆ ให้แนวคิด หลัก และอะไรอีกหลายๆอย่าง ไม่เพียงเหมาะกับผู้นำ ผู้บริหารเท่านั้นแต่ยังเหมาะสมกับทุกคนในการดำเนินชีวิต